tag:blogger.com,1999:blog-1153034976839460072024-03-13T03:37:01.524-07:00วิธีทำอาหารAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/15513188282966720534noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-115303497683946007.post-77673835990565610532013-02-04T06:28:00.003-08:002013-02-04T06:28:56.594-08:00วิธีทำ กล้วยหอมซ่อนกาย<div style="text-align: center;">
<img alt="เมนูอาหารเด็ก " height="541" src="http://image.zazana.com/images/2379201_30.jpg" width="450" /></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: yellow; font-weight: bold;">กล้วยหอมซ่อนกาย</span><br />
<span style="font-weight: bold;"><br />
</span><span style="font-weight: bold;">ส่วนผสม </span><br />
<br />
กล้วยหอมสุก<br />
<br />
แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ<br />
<br />
เนยละลาย<br />
<br />
น้ำมันสำหรับทอด<br />
<br />
น้ำผึ้ง<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;">วิธีทำ</span><br style="font-weight: bold;" />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span> 1.ผ่ากล้วยหอมให้เป็นชิ้นยาว 4 ชิ้น<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span> 2.ทาเนยบาง ๆ ลงบนแผ่นแป้งปอเปี๊ยะ แล้วนำชิ้นกล้วยหอมมาวางเป็นไส้ ห่อให้เรียบร้อย<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span> 3.ตั้งกระทะให้ร้อนจัดโดยใช้ไฟปานกลาง นำปอเปี๊ยะลงทอดจนเหลือกรอบตักขึ้นซับน้ำมัน จิ้มกับน้ำผึ้งหรือน้ำจิ้มบ๊วย<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;">Tip :</span><br />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span>ควรซื้อกล้วยหอมที่
เปลือกสีเหลืองทองที่ก้านควรยังมีสีเขียวอยู่ ผลต้องไม่มีรอยช้ำ
หากซื้อกล้วยดิบแล้วต้องการให้สุกเร็วขึ้น
ควรใส่ในถุงกระดาษสีน้ำตาลและปิดผนึกให้เรียบร้อย
จะช่วยให้กล้วยสุกเร็วขึ้นค่ะ<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span>ไม่ควรเก็บกล้วยหอมไว้กับแอปเปิ้ล เพราะแอปเปิ้ลมีก๊าซที่ทำให้กล้วยหอมดำเร็วขึ้น</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/15513188282966720534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-115303497683946007.post-72568621149404913322013-02-04T06:27:00.002-08:002013-02-04T06:27:50.445-08:00วิธีทำ กุ้งทอดซอสมะเขือเทศ<div style="text-align: center;">
<img alt="เมนูอาหารเด็ก" height="473" src="http://image.zazana.com/images/9270303_2.jpg" width="450" /></div>
<span style="background-color: yellow; font-weight: bold;">กุ้งทอดซอสมะเขือเทศ</span><br />
<br />
<span style="font-weight: bold;">ส่วนผสม </span><br />
<br />
กุ้งกุลาดำ<br />
<br />
มะเขือเทศ<br />
<br />
ผักกาดหอม<br />
<br />
แป้งชุบทอด<br />
<br />
เกล็ดขนมปัง<br />
<br />
เกลือ<br />
<br />
น้ำตาลทราย<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;">วิธีทำ</span><br style="font-weight: bold;" />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span>
1.ล้างมะเขือเทศให้สะอาด แล้วนำไปต้มในน้ำเดือดให้สุก จากนั้นลอกเปลือกออก
ผ่าเอาเมล็ดและไส้ออกให้หมด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปปั่นให้ละเอียด<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span> 2.เทมะเขือเทศที่ปั่นแล้วลงในกระทะ ตั้งไฟให้เดือดปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลตักขึ้นพักไว้<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span> 3.ล้างกุ้งให้สะอาด
ผ่าหลัง ชุบแป้งและเกล็ดขนมปัง จากนั้นนำไปทอดให้เหลืองกรอบ
ตักขึ้นซับน้ำมัน จัดผักกาดและกุ้งใส่จานแล้วราดด้วยซอสมะเขือเทศ
พร้อมเสิร์ฟ<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;">Tip :<br />
</span><br />
<span style="font-weight: bold;"> </span>ควรเลือกซื้อซอสที่ผลิต
จากโรงงานที่ได้มาตรฐาน
เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยจากการปนเปื้อนจากสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น
สารกันบูดหรือสีที่ไม่ได้มาตรฐาน<br />
<br />
<span style="font-weight: bold;"> </span>ควรใช้ซอสมะเขือเทศ
สำเร็จรูปในปริมาณที่เหมาะสม เพราะมักจะมีรสหวานและมีส่วนผสมของโซเดียมสูง
หากใช้มากเกินไป อาจทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลและโซเดียมในปริมาณมากเกินไปAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/15513188282966720534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-115303497683946007.post-22134708247423514802013-02-04T06:26:00.003-08:002013-02-04T06:26:16.664-08:00เมนูอาหาร ปลาหมึก กุ้งนึ่งมะนาว<div style="text-align: center;">
<img alt="ปลาหมึก-กุ้งนึ่งมะนาว" height="300" src="http://image.zazana.com/images/46079plamuekkung01.jpg" width="450" /></div>
<b> สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานอาหาร
ทะเลเป็นชีวิตจิตใจ เช่น ปลา กุ้ง ปู ปลาหมึก วันนี้เรามีเมนูนึ่งแบบแซ่บ ๆ
มาแนะนำกัน โดยในครั้งนี้ขอนำเสนอเมนูปลาหมึกและกุ้งนึ่งมะนาว
เนื่องจากเมนูนี้เป็นเมนูสุดฮิตที่หลาย ๆ
ครอบครัวคงอดไม่ได้ที่จะสั่งมาลิ้มลองเมื่อไปร้านอาหารทะเลตามสถานที่ท่อง
เที่ยวต่าง ๆ แถมยังรับประทานได้โดยไม่เลี่ยนอีกด้วย</b><br />
<br />
<span style="background-color: #fedcba;"><b>ส่วนประกอบ</b></span><br />
<br />
ปลาหมึกกล้วยตัวใหญ่ <br />
กุ้งสด <br />
น้ำปลา <br />
พริกจินดา หรือพริกขี้หนู<br />
มะนาว<br />
รากผักชี<br />
กระเทียมจีน หรือกระเทียมไทย<br />
สะระแหน่<br />
ข่า <br />
ตะไคร้ <br />
น้ำกระเทียมดอง <br />
น้ำตาลทราย<br />
น้ำปลา<br />
<br />
<span style="background-color: #fedcba;"><b>การเตรียมปลาหมึกและกุ้ง</b></span><br />
<br />
1. เริ่มจัดการปลาหมึก ด้วยการดึงแผ่นกระดูกออก บีบตา
และควักไส้ให้เรียบร้อย ในสูตรของคุณพยูนบูดแนะนำมาด้วยว่า
ให้ใช้ปลายมีดดึงจะงอยปากปลาหมึกออกมา เพราะส่วนนี้หลายคนมักดึงทิ้งจนหมด
ทั้งที่จะงอยปากปลากหมึกมีความอร่อยกรุบกรอบ เคี้ยวเพลินมาก ๆ<br />
<br />
2. หั่นปลาหมึกเป็นแว่น ๆ จะชิ้นหนาหรือชิ้นบาง ก็ได้
แล้วแต่ความชอบของผู้รับประทาน ทั้งนี้
หากปลาหมึกที่ได้มาค่อนข้างสดใหม่จะไม่ทำการลอกหนังออกก็ได้ <br />
<br />
3. ทำการปอกเปลือก และแยกมันกุ้งไว้ <br />
<br />
4. ใช้มีดทำรอยบากที่หลัง เพื่อดึงขี้กุ้งออก<br />
<br />
<span style="background-color: #fedcba;"><b>การเตรียมส่วนผสมเครื่องน้ำราด</b></span><br />
<br />
1.เตรียมพริกจินดา 3-10 เม็ด หากใช้พริกขี้หนู อาจต้องลดปริมาณลง เพราะพริกขี้หนูจะมีความเผ็ดร้อนกว่า <br />
2. เตรียมมะนาวให้พร้อม ถ้าไม่มีก็ใช้น้ำมะนาวปลอม
หรือน้ำส้มก็ได้ แต่รสชาติอาจจะไม่เปรี้ยวจัดแบบน้ำมะนาว
และไม่หอมเท่าที่ควร <br />
<br />
3. เตรียมรากผักชี และสะระแหน่ เพื่อเพิ่มความหอม<br />
<br />
4. เตรียมกระเทียมจีน หรือกระเทียมไทย ตามใจชอบ
โดยกระเทียมไทยจะมีรสชาติเผ็ดกว่า แต่จะเสียเวลาปอกมากกว่า
ขณะที่กระเทียมจีนหอมน้อยกว่า เผ็ดน้อยกว่า แต่ปอกง่ายกว่า <br />
<br />
5. เตรียมข่า ตะไคร้ ไว้ใส่ตอนนึ่งเพื่อช่วยดับคาวอาหารทะเล <br />
<br />
<span style="background-color: #fedcba;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
<br />
1. สับกระเทียมให้ละเอียด
แต่อย่าวางทิ้งไว้นานไม่เช่นนั้นความหอมของกระเทียมจะลดลง
ในขั้นตอนนี้จะเลือกใช้เครื่องปั่นก็ได้ แล้วแต่ความถนัด <br />
<br />
2. สับพริกจินดา หรือพริกขี้หนู
สำหรับเมนูนึ่งควรเลือกพริกสีแดง เพราะจะทำให้อาหารมีสีสันสวยงาม
และผู้ที่ไม่ทานเผ็ดสามารถเห็นได้ชัด ทำให้เขี่ยออกได้ง่าย<br />
<br />
3. สับรากผักชีให้ละเอียด หากเป็นรากเล็กให้ใช้ 2 ราก ส่วนรากใหญ่ให้ใช้ 1 ราก <br />
<br />
4. หั่นมะนาวเป็นชิ้น ๆ และบีบมะนาวไว้สำหรับทำน้ำราด<br />
<br />
5. หั่นข่า ตะไคร้ และเด็ดใบสะระแหน่ จากนั้นฝานมะนาว และซอยกระเทียมกลีบใหญ่ ๆ ไว้โรยหน้า<br />
<br />
6. เริ่มทำน้ำราดด้วยการผสมกระเทียม พริกสับ รากผักชี เข้าด้วยกัน ตามด้วยน้ำปลา 3 ช้อน<br />
<br />
7. จากนั้นใส่น้ำมะนาว อีก 3 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำกระเทียมดอง 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ<br />
<br />
8. คนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
จากนั้นใส่น้ำซุปจากการนึ่งปลาหมึก สัก 4 – 5 ช้อน หรือจะเติมน้ำปลา
แล้วตามด้วยผงซุปปรุงรสสัก 1 ช้อนชา เพื่อให้มีรสชาติกลมกล่อม<br />
<br />
9. เริ่มนึ่งปลาหมึก และกุ้ง ด้วยการใส่ข่า ตะไคร้ที่หั่นเป็นแว่น ๆ ลงไป<br />
<br />
10. ตั้งน้ำรอให้เดือดจัด ๆ
แล้วนำปลาหมึกและกุ้งที่เตรียมไว้ลงนึ่ง โดยเร่งไฟแรง ๆ ปิดฝา 3-5 นาที
ให้ปลาหมึกและกุ้งสุกประมาณ 80% เพื่อไม่ให้เนื้อแข็งจนไป
แต่ถ้านึ่งปลากะพงทั้งตัว อาจต้องเพิ่มเวลานึ่งเป็น 15 นาที<br />
<br />
11. เมื่อปลาหมึกและกุ้งใกล้สุกได้ที่แล้ว ให้นำน้ำราดที่ผสมไว้มาวางรอที่ข้างเตา<br />
<br />
12. พอได้เวลา ให้เปิดฝาแล้วเทน้ำราดลงไป
ขยุ้มสะระแหน่ใส่ไปเล็กน้อย จากนั้นปิดฝาเร่งไฟแรง ๆ นับ 1 ถึง 30
แล้วปิดไฟทันที <br />
<br />
<b>แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วจ้า
จากนั้นก็ทำการตักใส่จาน หรือใส่หม้อไฟ แล้วโรยสะระแหน่ กระเทียม
พร้อมตกแต่งด้วยมะนาวฝานให้สวยงาม
เท่านี้เราก็จะได้เมนูปลาหมึกและกุ้งนึ่งมะนาวแซ่บ ๆ พร้อมเสิร์ฟ...
แค่เห็นภาพก็น้ำสายสอกันแล้วใช่ไหมเอ่ย
สำหรับใครที่ยังคิดไม่ออกว่าวันนี้จะทำกับข้าวอะไรดี
ก็ลองนำเมนูปลาหมึกและกุ้งนึ่งมะนาวสูตรนี้ไปทำกันดูนะคะ
รับรองว่าถูกอกถูกใจทุกคนในครอบครัวแน่นอนจ้า</b><br />
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/15513188282966720534noreply@blogger.com0